 น้ำพริกกะปิ  ปลาทูทอด (ตำรับนี้รับประทานได้ประมาณ 7 คน)
 น้ำพริกกะปิ  ปลาทูทอด (ตำรับนี้รับประทานได้ประมาณ 7 คน)
|       
              “น้ำพริกกะปิ  ปลาทูทอด”เป็นเครื่องจิ้มที่รับประทานควบคู่กับผักต่างๆ  ทั้งผักสด ผักลวก และ/หรือผักชุบไข่ทอด  เครื่องปรุงหลักคือ กะปิ ซึ่งต้องเป็นกะปิคุณภาพดี นั่นคือมีเนื้อเนียนละเอียด แห้ง มีกลิ่นหอม  เครื่องปรุงหลักชนิดอื่นคือ พริก และมะนาว  นอกจากนี้น้ำพริกกะปิในแต่ละพื้นที่อาจมีเครื่องปรุงที่หลากหลาย แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น เช่น บางท้องถิ่นมีการใส่กุ้งแห้งป่นและ/หรือมะเขือเปราะ และผักชนิดอื่นๆ ลงไปด้วย  คนไทยนิยมกินข้าวกับน้ำพริกกะปิผักจิ้ม  จึงได้ทั้งรสชาติอร่อยและคุณค่าโภชนาการที่หลากหลายและครบถ้วน   
           | ||
| คุณค่าอาหารทางโภชนาการ | ||
|         น้ำพริกกะปิ   เป็นเมนูอาหารที่ถ้ามองโดยรวมจะค่อนข้างใหญ่  เพราะนอกจากจะประกอบด้วยตัวน้ำพริกเองแล้ว ก็จะมีเครื่องเคียงเป็นปลาทูทอด  แล้วก็มีผัก ซึ่งผักสำหรับกินคู่กับน้ำพริกกะปิปลาทูทอด ก็จะมีหลากหลายมาก ตั้งแต่ผักทอด  ผักสด ผักลวกหรือผักต้ม ถ้าดูในด้านคุณค่าทางโภชนาการ ตัวน้ำพริกกะปิเป็นตัวช่วยในเรื่องของการเพิ่มรสชาติ  ประโยชน์ต่อสุขภาพของน้ำพริก อยู่ที่เครื่องเคียงที่เป็นผัก ปลาทูทอดก็เป็นโปรตีนที่สำคัญ  ก็คือจากปลา แล้วก็เป็นปลาทะเล เพราะฉะนั้นก็จะได้สารสำคัญบางอย่างเช่น ไอโอดีน  หรือว่า โอเมก้า 3 ซึ่งเรารู้จักกันว่ามันมีผลต่อการบำรุงสมอง เพราะฉะนั้นปลาทูก็จะเป็นแหล่งของโปรตีนที่ดีมาก  แล้วไขมัน      ก็เป็นไขมันที่มีประโยชน์ สำหรับผักที่ใช้เป็นเครื่องเคียง  เราก็จะพบว่ามีผักหลายชนิดผักชนิดหนึ่งที่คนทั่วไปนิยมก็คือ ชะอมชุบไข่ทอด  ขณะเดียวกันการที่มีไข่ใส่เข้าไปในผักด้วยก็เป็นการเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการอย่างหนึ่ง  แล้วการใช้น้ำมัน ก็ช่วยให้สารสำคัญบางอย่างเช่น เบต้าแคโรทีนที่มีอยู่ผักใบเขียว  หรือแม้กระทั่งในชะอมเอง สามารถดูดซึมแล้วร่างกายก็เอาไปใช้ประโยชน์ บำรุงสายตา  ช่วยลดอนุมูลอิสระ นอกจากชะอมแล้วก็ยังมีผักอื่นๆหลากหลาย เช่น มะเขือเปราะ  ก็มีประโยชน์เพราะว่าในมะเขือเปราะมีใยอาหารชนิดที่ละลายน้ำอยู่ค่อนข้างมากจึงช่วยในเรื่องของการดูดซึมไขมัน  แล้วก็พาไขมันออกจากร่างกาย เรากินข้าวกับน้ำพริกกะปิหนึ่งชุดนี้  ถือว่าเราได้อาหารครบ 5 หมู่  แล้วเป็น 5  หมู่ที่มีสัดส่วนที่ค่อนข้างดี ตามหลักโภชนการเกือบทุกประการ | ||
| 
            ส่วนผสม:น้ำพริกกะปิ | 
              วิธีทำน้ำพริกกะปิ
             | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
 | 
 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|  
                
ข้อมูลคุณค่าโภชนาการโดย...ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมศรี เจริญเกียรติกุล | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| วิทยากรการปรุงอาหาร...อทิตดา  บุญประเดิม | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|  โครงการเผยแพร่และอนุรักษ์อาหารไทยผ่านเว็บไซต์สถาบันโภชนาการ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||