ปลาเผา/ข้าวเหนียว/แจ่ว (ตำรับนี้รับประทานได้ประมาณ 4 คน)

 

Template 01
Template 01
Template 01

     ปลาเผา/ข้าวเหนียว/แจ่ว  ปลาเผา เป็นอาหารที่เดี๋ยวนี้มีให้รับประทานกันทั่วไปทุกภาค แต่ถ้าเป็นของอีสานขนานแท้ ก็จะต้องรับประทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่ว จึงจะอร่อยรสแซ่บตามสไตล์อีสาน ปลาเผา นิยมใช้ปลาหลายชนิดมาทำ แต่ต้องเป็นปลามีเกร็ด ไม่ว่าจะเป็น ปลาช่อน ปลานิล ปลาทับทิม ก็ใช้ได้ แล้วแต่งบประมาณว่ามีมากน้อยแค่ไหน สำหรับการทานปลาเผาคู่กับข้าวเหนียว และน้ำจิ้มแจ่ว โดยมีผักสดหรือผักลวกเป็นผักแกล้ม ก็จะเป็นการเพิ่มคุณค่าในอาหารมื้อนี้ได้เป็นอย่างดี

คุณค่าอาหารทางโภชนาการ

       การปรุงอาหารของชาวอีสาน จริงๆ แล้วก็ต้องถือว่าทันสมัยสำหรับยุคนี้ เพราะเป็นอาหารที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคหลายชนิด เพราะส่วนมากอาหารอีสานจะมีการปรุงอาหารโดยการ ต้ม ปิ้ง ย่าง ทำให้มีไขมันต่ำ ซึ่งนักโภชนาการจะแนะนำให้กินอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น ปลาเผา ซึ่งขณะนี้เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะเป็นเพราะว่า นอกจากปลาธรรมชาติแล้วก็มีการเลี้ยง อย่างเช่น ปลานิล ที่นิยมนำมาปรุงอาหารในลักษณะนี้ได้ ขณะนี้จึงเป็นเมนูที่เป็นที่นิยมเคียงคู่กับไก่ย่าง รับประทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วเป็นของคู่กัน แต่สิ่งที่เคียงคู่มาเรียกเป็นสำรับ ที่น่าสนใจคือ การรับประทานกับข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆ ก็จะมีประโยชน์ แต่ในบางกรณีอาจรับประทานกับเส้นขนมจีนหรืออื่นๆได้ไม่เป็นการผิดกติกา

       ปลาเผา มักจะมีการนำเกลือมาพอกรอบตัวปลา เกลือที่พอกอยู่ตรงส่วนของปลาด้านนอก มีบางคนถามว่าจะทำให้เค็มเกินไปไหม ถ้าพิจารณาจากวิธีการปรุงอาหารนี้แล้ว ก็คิดว่าคงไม่ได้มีส่วนของเกลือเข้าไปในตัวเนื้อปลาส่วนที่รับประทานมากนัก แต่ที่เราควรจะพึงระวังคือ น้ำจิ้มแจ่วที่เสิร์ฟเคียงคู่มากับเมนูนี้ ในกรณีที่เราสามารถทำน้ำจิ้มได้หลายแบบมาก เช่น น้ำจิ้มพริกป่นพริกแห้งก็มีการใส่น้ำมะขาม ก็จะทำให้ได้รับวิตามินซีจากมะขาม หรือในกรณีที่ทำเป็นแจ่วบักเลน ก็คือการใส่มะเขือเทศ มะเขือส้ม ซึ่งก็ได้วิตามินซีในอีกวิธีการหนึ่งหรือแหล่งอาหารอีกวิธีหนึ่ง แต่ในบางร้านบางแห่งทำก็ยังนิยมทำน้ำจิ้มแจ่วบอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องระวัง เพราะว่าส่วนมากรสเปรี้ยวจากแจ่วลักษณะ 2 แบบข้างต้นก็จะหายไป ไปเน้นในลักษณะสชาติน้ำจิ้มที่ค่อนข้างจะเค็ม อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เลือกรับประทานเมนูนี้ ควรรับประทานควบคู่กับผักสดหรือผักลวก ซึ่งจะทำให้มีความสมดุลคือ เสริมด้านใยอาหาร และจริงๆ แล้ว ผักพื้นบ้านของทางอีสานหลายชนิดก็มีสารต้านอนุมูลอิสระ เมนูนี้จึงเป็นเมนูที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพได้

 
ส่วนประกอบเครื่องปรุงปลาเผา
วิธีทำปลาเผา
- ปลานิล
732
กรัม
- ตะไคร้
47
กรัม
- เกลือ
35
กรัม
     
ส่วนประกอบการนึ่งข้าวเหนียว
- ข้าวเหนียว
½
กิโลกรัม
- หม้อนึ่ง
1
หม้อ
- ผ้าขาวบาง
1
ชิ้น
- น้ำสะอาด
1
ลิตร
ส่วนประกอบเครื่องปรุงน้ำจิ้มแจ่ว
- หอมแดง
35
กรัม
- พริก
26
กรัม
- กระเทียม
14
กรัม
- มะนาว
30
กรัม
- น้ำปลาร้า
19
กรัม
- น้ำปลา
7
กรัม
- น้ำสะอาด (ต้มสุก)
13
กรัม
     
1.
การทำปลาเผา ก่อนอื่นเราก็ต้องเอาปลามาทาเกลือให้ทั่วตัวปลา
2.
เอาตะไคร้ยัดใส่ในท้องปลา เพื่อให้เวลาย่างหรือเผา เนื้อปลาจะมีกลิ่นหอมตระไคร้ และช่วยดับกลิ่น คาวปลาได้ด้วย
3.
เสร็จแล้วก็นำไปย่างไฟบนเตาถ่าน ไฟไม่ต้องแรง ปิ้งไฟข้างละประมาณ 10 นาที แล้วกลับตัวปลา ปิ้งปลาจนปลาสุก โดยสังเกตุน้ำหนักปลาจะเบาลง
4.
เกล็ดเกลือจะเกาะตัวปลาขาวหน้ารับประทาน
   
วิธีการนึ่งข้าวเหนียว
1.
นำข้าวเหนียวที่เตรียมไว้ มาแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วเอาข้าวเหนียวใส่ลงในหวดนึ่งข้าวเหนียว
2.
ตั้งหม้อนึ่งใส่น้ำถึงคอหม้อ เมื่อน้ำเดือดนำหวดวางบนหม้อนึ่ง   ตั้งทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที สังเกตดูว่าเมื่อข้าวเหนียวเมล็ดใสขึ้น แสดงว่าข้าวเหนียวสุกแล้ว ให้ยกหม้อลงจากเตา
   
วิธีการทำน้ำจิ้มแจ่ว
 
สำหรับการทำน้ำจิ้มแจ่ว ก็ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก นำพริก หอม กระเทียม มาย่างไฟ ให้พอออกกลิ่นหอม  แล้วนำไปปลอกเปลือกออก แล้วนำมาตำในครกให้ละเอียด ใส่น้ำปลาร้า  น้ำปลา น้ำสะอาดที่ต้มสุกแล้ว คลุกเคล้าให้เข้ากัน เติมรสเปรี้ยวด้วยการ บีบมะนาวลงไป คลุกเคล้าอีกทีให้เข้ากัน แค่นี้ก็ได้น้ำจิ้มแจ่ว รสแซ่บไว้รับประทานกับปลาเผา เป็นที่เรียบร้อย
   
ข้อมูลคุณค่าโภชนาการโดย...ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อุไรพร จิตต์แจ้ง
วิทยากรการปรุงอาหาร...ไสว หงส์คำ
เผยแพร่วันที่...15 ธันวาคม พ.ศ.2557
โครงการเผยแพร่และอนุรักษ์อาหารไทยผ่านเว็บไซต์สถาบันโภชนาการ
Go to Top