“แกงเหลืองปลากะพงยอดมะพร้าว ” คนภาคกลางเรียกชื่อแกงส้มของภาคใต้ซึ่งนิยมใส่ขมิ้นว่า “แกงเหลือง” เพราะน้ำแกงมีสีเหลืองจากขมิ้น แกงส้มของคนใต้หรือแกงเหลืองของคนภาคกลาง ต่างจากแกงส้มของภาคกลางตรงที่แกงส้มภาคใต้นิยมใช้พริกขี้หนูสด และใช้น้ำมะนาวในการแต่งรสเปรี้ยว แกงเหลืองปลากะพง จะมีรสเปรี้ยวและเผ็ดนำ น้ำแกงมีสีเหลืองของขมิ้น เนื้อปลากะพงจะมีรสหวาน ไม่คาว ปลากะพงขนาดใหญ่ เมื่อนำมาทำแกงจะให้รสชาติดีกว่าปลากะพงตัวเล็กคนภาคกลางเรียกชื่อแกงส้มของภาคใต้ซึ่งนิยมใส่ขมิ้นว่า “แกงเหลือง” เพราะน้ำแกงมีสีเหลืองจากขมิ้น แกงส้มของคนใต้หรือแกงเหลืองของคนภาคกลาง ต่างจากแกงส้มของภาคกลางตรงที่แกงส้มภาคใต้นิยมใช้พริกขี้หนูสด และใช้น้ำมะนาวในการแต่งรสเปรี้ยว แกงเหลืองปลากะพง จะมีรสเปรี้ยวและเผ็ดนำ น้ำแกงมีสีเหลืองของขมิ้น เนื้อปลากะพงจะมีรสหวาน ไม่คาว ปลากะพงขนาดใหญ่ เมื่อนำมาทำแกงจะให้รสชาติดีกว่าปลากะพงตัวเล็ก | ||
คุณค่าอาหารทางโภชนาการ |
||
แกงเหลืองปลากะพงยอดมะพร้าว ชื่อก็บอกว่าเป็นแกงทางปักษ์ใต้แน่นอน แกงเหลืองปักษ์ใต้ก็คือแกงส้มของภาคอื่นๆ เพราะว่า แกงเหลืองมีการใส่ขมิ้น อย่างที่ทราบกันดีว่าเอกลักษณ์ของอาหารปักษ์ใต้ก็คือ ต้องมีขมิ้นเป็นองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นอาหารทอด อาหารผัด หรือแกง ส่วนใหญ่มักต้องใส่ขมิ้น และขมิ้นก็เป็นสมุนไพรที่ดีและมีประโยชน์ มีงานวิจัยต่างๆ รายงานถึงประโยชน์ของขมิ้นว่าสามารถช่วยในเรื่องของการต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ สำหรับแกงเหลืองปลากะพงยอดมะพร้าว ซึ่งทำจากปลากะพงก็คือปลาทะเล ภาคใต้อยู่ติดทะเลจึงจะได้ปลาทะเลที่มีคุณภาพดีใช้ในการแกง ยอดมะพร้าวก็เป็นอีกส่วนประกอบหนึ่งจากภาคใต้ ภาคใต้ปลูกมะพร้าวมาก ก็จะได้ผลผลิตจากมะพร้าว เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าอาหารชามนี้เป็นอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจนมากของภาคใต้ เครื่องแกงของแกงเหลือง จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน คือประกอบด้วย หอม ขมิ้น กะปิ เกลือและพริก เป็นหลัก สีของขมิ้นก็จะช่วยให้แกงมีสีสันที่แตกต่างไปจากแกงส้มทางภาคกลาง ซึ่งจะใช้พริกแห้ง ทำให้แกงส้มจะออกเป็นสีส้มแดง ภาคใต้ก็จะออกเป็นสีเหลืองของขมิ้นก็เลยเรียกว่าแกงเหลือง ส่วนยอดมะพร้าวก็จะเป็นส่วนที่ให้ใยอาหาร แล้วก็ให้เนื้อของแกง ทำให้เวลารับประทาน รู้สึกว่าอิ่มเร็ว ปลาเป็นอาหารโปรตีนที่มีประโยชน์กับทุกเพศ ทุกวัย และก็เป็นอาหารที่ย่อยง่าย การที่เลือกใช้ปลากะพงซึ่งเป็นปลาทะเลก็จะได้ธาตุไอโอดีน ที่ช่วยในเรื่องของฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายเพิ่มมากขึ้น ก็จะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตามอาหารเมนูนี้อาจจะมีรสชาติที่จัดจ้านขึ้นอยู่กับการปรุง ถ้ารสชาติจัดจ้านเกินไปเช่น เค็มมากไป เผ็ดมากไป เวลารับประทานก็ต้องระมัดระวัง ถ้าเค็มก็ต้องพยายามรับประทานอาหารประเภทผักเสริมขึ้นมา ถ้าเผ็ดก็ต้องระวังสุขภาพในช่องท้องของตัวเอง เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองเยื่อบุกระเพาะอาหาร |
||
ส่วนผสม:เครื่องแกงเหลือง |
วิธีทำเครื่องแกงเหลือง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ข้อมูลคุณค่าโภชนาการโดย...ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมศรี เจริญเกียรติกุล |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
วิทยากรการปรุงอาหาร...อัมพร มหารัตน์ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
โครงการเผยแพร่และอนุรักษ์อาหารไทยผ่านเว็บไซต์สถาบันโภชนาการ |