แกงอ่อมหมู (ตำรับนี้รับประทานได้ประมาณ 6 คน)

 

Template 01
Template 01
Template 01
      “แกงอ่อมหมู” ทางล้านนาหรือทางภาคเหนือ ถือเป็นอาหารยอดนิยมอย่างหนึ่ง ของบรรดาอาหารเหนือทั้งหลาย โดยเฉพาะในเทศกาล งานบุญ งานเลี้ยงต่าง ๆ จะต้องมีแกงอ่อมไว้เลี้ยงต้อนรับ โดยจะใส่เนื้อปลา เนื้อวัว หรือเนื้อหมูก็ได้ แล้วแต่จะชอบ รูปร่างหน้าตารสชาติก็จะต่างกับแกงอ่อมภาคอีสานอย่างชัดเจน
 
คุณค่าอาหารทางโภชนาการ

       แกงอ่อมหมู  เป็นอาหารพื้นเมืองของภาคเหนือเมนูหนึ่งที่นิยมบริโภคกัน    ในการปรุง  “แกงอ่อม” สามารถใส่เนื้อสัตว์ได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น เนื้อปลา เนื้อวัว หรือ เนื้อหมู   ในที่นี้ขอนำเสนอแกงอ่อมหมู แกงอ่อมหมู  นิยมใส่เครื่องในของหมูลงไปด้วย เพราะฉะนั้น ผู้บริโภคที่มีปัญหาเกี่ยวกับไขมันในเส้นเลือดสูง ผู้ที่มีคอเลสเทอรอลสูง และผู้ที่มีปัญหาเรื่องของไขข้อหรือโรคเก๊าท์  จะต้องระมัดระวังการบริโภคเมนูนี้   เมนูนี้เป็นเมนูที่ไม่มีการใส่กะทิ เพราะฉะนั้นจึงช่วยลดปริมาณไขมันในอาหารลงไปได้ ส่วนประกอบเด่นที่สำคัญของแกงอ่อมหมูที่เพิ่มรสชาติเผ็ดร้อนอีกตัวหนึ่งก็คือ ดีปลี   ดีปลีมีสารสำคัญคือ พิเพอรีน (Piperine) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็งได้  นอกจากนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการปรุงแกงอ่อมของภาคเหนือคือ  “มะแกว่น”  มะแกว่นมีรสชาติเผ็ดร้อนและมีกลิ่นเฉพาะที่ทำให้แกงอ่อมของภาคเหนือมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์   เครื่องเทศอื่นๆ ที่ใส่ในแกงอ่อมคือ  ข่า ตะไคร้  ใบมะกรูด ที่ใส่ลงไปก็ล้วนมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระ  ช่วยดักจับสารพิษได้  นอกจากนี้ต้นหอมหรือว่าผักชีฝรั่งซอยโรยหน้าแกงอ่อมหมูก็จะช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้กับร่างกาย คลอโรฟิลล์ที่มีอยู่ในใบมะกรูดหรือในผักสีเขียวต่างๆก็สามารถดักจับสารพิษได้ดี  เนื่องจากในการปรุงแกงอ่อมมีการใช้น้ำมันผัดกับเครื่องแกงก่อนที่เราจะใส่เนื้อหมูแล้วก็ส่วนประกอบต่างๆลงไป  จึงควรระวังน้ำมันที่เราใช้ด้วย  โดยจำกัดปริมาณของน้ำมันที่ใช่ผัดลงไปก็จะเป็นการดี  ไป  ลักษณะของแกงอ่อม เป็นเมนูหนึ่งที่มีน้ำแกงค่อนข้างมากกว่าอาหารเหนือชนิดอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่จะออกเหนียวขลุกขลิก มีน้ำเล็กน้อยช่วยให้สะดวกในการรับประทานคู่กับข้าวเหนียว สำหรับแกงอ่อมชนิดอื่นๆ ก็จะมีวิธีทำเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นเนื้อก็จะนำไปต้มก่อนแล้วค่อยนำมาปรุง

        สำหรับคุณค่าทางโภชนาการต่อหนึ่งหน่วยบริโภคของแกงอ่อมหมู เด่นๆ ก็คือ วิตามินเอ ซึ่งก็จะได้จากเครื่องในหมู ที่ใส่เข้าไป วิตามินเอ นอกจากจะได้จากเนื้อสัตว์ต่างๆแล้ว เบต้าแคโรทีน ในแกงอ่อมก็มีปริมาณสูงทีเดียว และร่างกายสามารถเปลี่ยนจากเบตาแคโรทีนให้เป็นวิตามินเอได้ โดยเบต้าแคโรทีนในเมนูอาหารชามนี้ก็ได้จากพืชผักต่างๆ ที่ใส่รวมกันลงไป
 
เครื่องพริกแกงอ่อม
วิธีทำเครื่องแกง
- พริกแห้ง (เม็ดใหญ่)
15
เม็ด
- หอมแดง
6
หัวเล็ก
- กระเทียมไทย
23
กลีบ
- รากผักชี (ซอย)
5
ราก
- เม็ดผักชี
1 ช้อนโต๊ะ
- ผิวมะกรูด
5 ชิ้น
- ข่า (หั่น)
7 แว่น
- ดีปลี
7 ดอก
- มะแหล่บ
1 ช้อนชา
- มะแกว่น
1 ช้อนโต๊ะ
- กะปิ
2 ช้อนชา
 
เครื่องปรุงแกงอ่อม
- เครื่องในหมู
3 ขีด
- น้ำซุป
2 ถ้วยตวง
- เครื่องพริกแกง 7 ช้อนโต๊ะ
- ผักชีฝรั่ง 1/3 ถ้วยตวง
- ใบมะกรูด (ฉีก) 5 ใบ
- ผักชีต้นหอม 3 ต้น
     
1.
นำพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม ข่า ดีปลี มะแหล่บ มะแกว่น และก็กะปิ มาโขลกรวมกันให้ละเอียด
   
วิธีทำแกงอ่อมหมู
1. นำเครื่องในหมูเป็นหลัก มีทั้ง ไส้อ่อน ตับ ม้าม หัวใจ หนังหมู นำมาต้มให้สุกก่อน โดยเวลาต้มใส่ใบมะกรูดลงไปด้วย เพื่อช่วยดับกลิ่นคาว ของเครื่องใน
2. แยกเครื่องในที่สุกแล้วออกมาพักไว้ส่วนน้ำซุปที่เหลือจะเก็บไว้ทำเป็นน้ำแกง
3. นำหม้อขึ้นตั้งไฟ นำน้ำซุปมาใส่ในหม้อ แล้วต้มน้ำซุปให้เดือด
4 น้ำซุปเดือดก็ใส่เครื่องในลงไป พอน้ำแกงเดือดอีกที ก็ใส่เครื่องพริกแกงลงไปละลาย คนให้เข้ากัน
5. ใส่ใบมะกรูดลงไปคอยสักพัก จึงใส่ผักชีฝรั่งลงไป คนให้เข้ากัน
6. ใส่โรยผักชี ต้นหอมหน่อย เพื่อความสวยงาม
   
ข้อมูลคุณค่าโภชนาการโดย...มลฤดี สุขประสารทรัพย์
ริญ เจริญศิริ
วิทยากรการปรุงอาหาร...ทิวาพร ปินตาสี
เผยแพร่วันที่...15 ธันวาคม พ.ศ.2557
โครงการเผยแพร่และอนุรักษ์อาหารไทยผ่านเว็บไซต์สถาบันโภชนาการ
Go to Top