“แกงหยวก” กล้วย มีความผูกพันในวิถีชีวิตคนไทยมาอย่างช้านาน คนไทยรู้จักใช้ประโยชน์จากกล้วยได้อย่างมากมาย รวมทั้งนำมาบริโภค ซึ่งนอกจากการกินผลกันแล้ว ทางภาคเหนือยังเอาหยวกกล้วย หรือลำต้นของต้นกล้วยที่ยังไม่โตมากนัก นำแก่นกลางต้นที่ยังอ่อน ๆ มาทำประกอบอาหาร ประเภท แกง
เรียกว่า “แกงหยวก” โดยส่วนใหญ่จะแกงกับไก่ ใส่วุ้นเส้น บางทีก็จะใส่เนื้อปลาย่างด้วย นิยมใช้เลี้ยงแขกในงานบุญต่าง ๆ ถ้าทำเป็นหม้อใหญ่ๆ จะไม่ใส่วุ้นเส้น เพราะเส้นจะอืดง่าย |
||
คุณค่าอาหารทางโภชนาการ |
||
แกงหยวก เป็นเมนูอาหารที่ไม่ใช้กะทิ เป็นส่วนประกอบ ซึ่งก็จะมีผลดีต่อผู้บริโภค แกงหยวกทำมาจากหยวกกล้วย ซึ่งหยวกกล้วยที่ใช้เป็นหยวกกล้วยต้นอ่อน นำมาเลาะเอาเปลือกนอกออกใช้เฉพาะแกนอ่อนๆ หยวกกล้วย แม้จะมีวิตามินไม่มาก แต่ก็มีแร่ธาตุ และประกอบด้วยใยอาหารสูง นอกจากนี้ยังมีเบต้าแคโรทีน(β-carotene) และก็วิตามินซีอีกด้วย ส่วนประกอบอย่างหนึ่งของแกงหยวกก็คือ น้ำพริกเครื่องแกงเครื่องแกงของแกงหยวกจะหมือนกับลาบ ซึ่งก็จะมีเครื่องสมุนไพรที่เด่นก็คือ มะแล่บ หรือ มะแกว่น และก็ดีปลี ช่วยให้ความเผ็ดร้อนและกลิ่นหอมของแกง นอกจากการรับประทานแกงหยวกกับข้าวสวยร้อนๆแล้วเรายังรับประทานคู่กับขนมจีน ก็จะมีขนมจีนน้ำยาแกงหยวก เป็นต้น คุณค่าทางโภชนาการต่อหนึ่งหน่วยบริโภคของแกงหยวกมีดังนี้ |
||
เมนูนี้สิ่งเด่นๆสำคัญที่ได้จากหยวกกล้วยคือ เบต้าโคโรทีน และวิตามินซี แต่วิตามินซีอาจจะมีไม่มาก เพราะความร้อนจะทำลายวิตามินซีลงไปได้ แต่ก็ยังพอมีบ้าง สิ่งที่สำคัญก็คือ ใยอาหาร ที่มีบทบาทสำคัญช่วยทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ให้สะอาดปลอดจากสารพิษ แล้วขับออกมากับอุจจาระ ข้อควรระวังสำหรับการรับประทานแกงหยวกคือ ไขมันสัตว์ ในการปรุงเมนูแกงหยวก มักนิยมใช้หมูสามชั้นหรือเนื้อไก่ที่ติดหนัง เพราะว่าจะมีความนิ่ม ดังนั้นเรารับประทานแกงหยวกที่ปรุงจากจากหมูสามชั้นหรือเนื้อไก่ที่ติดหนังก็ควรระวัง |
||
เครื่องพริกแกงหยวก |
วิธีทำเครื่องพริกแกง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ข้อมูลคุณค่าโภชนาการโดย...มลฤดี สุขประสารทรัพย์ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ริญ เจริญศิริ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
วิทยากรการปรุงอาหาร...ทิวาพร ปินตาสี |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผยแพร่วันที่...15 ธันวาคม พ.ศ.2557 |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
โครงการเผยแพร่และอนุรักษ์อาหารไทยผ่านเว็บไซต์สถาบันโภชนาการ |