แกงป่าปลาช่อนนา (ตำรับนี้รับประทานได้ประมาณ 8 คน)

 

Template 01
Template 01
Template 01
       “แกงป่าปลาช่อนนา” เป็นแกงที่ไม่ใส่กะทิ คำว่าแกงป่า ทำให้เรานึกถึงวิธีการปรุงที่ไม่ยุ่งยาก มีผักสมุนไพรนานาชนิด  เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ สำหรับปลาช่อนที่ใช้ในการปรุงแกงป่าควรเป็นปลาช่อนจากแหล่งธรรมชาติมากกว่าปลาช่อนเลี้ยง  เพราะจะให้รสชาติที่ดีกว่า
คุณค่าอาหารทางโภชนาการ
         เวลาเราพูดถึงแกงป่า   เรามักจะนึกถึงอาหารอะไรที่ทำง่ายๆ  เพราะว่ามีการเล่าต่อกันมาว่า คนในอดีต เวลาเข้าป่าแล้วนึกอยากจะรับประทานอะไร ก็ทำอะไรที่ง่ายๆ ก็คือตั้งหม้อแล้วก็หาพริก หาสมุนไพรที่มีอยู่หาได้ในป่า โยนลงไปในหม้อ แกงป่าจึงประกอบด้วยผักต่างๆ หลากหลายชนิด อาหารชนิดนี้เมื่อรับประทานก็จะได้ประโยชน์จากผักและสมุนไพรล้วนๆ ก็คือได้ใยอาหารที่ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยในการลดไขมัน หรือถ้าหากบางครั้งเราใช้ผักบางอย่างเช่น มะเขือเปราะ มะเขือพวงเข้าไปด้วย ก็สามารถช่วยลดน้ำตาลหรือทำให้น้ำตาลดูดซึมได้ช้าลง เหล่านี้ก็คือประโยชน์หลักๆ ของการบริโภคพืชผักสมุนไพรมากๆ ที่สำคัญถ้าหากไม่สามารถรับประทานรสเผ็ด ก็อย่าปรุงให้เผ็ด เพราะถ้าหากร่างกายของเราไวต่อความเผ็ด มันก็อาจจะทำให้เกิดผลเสียก็คือ ทำให้เยื่อบุทางเดินอาหารระคายเคืองมาก ก็จะเกิดอาการท้องเสีย  อาหารที่รับประทานเข้าไปแทนที่จะได้ประโยชน์ก็กลับมาเป็นโทษแทน ถึงแม้พริกจะมีประโยชน์มากก็ตาม แต่ในเรื่องของความเผ็ดร้อนของพริกก็เป็นเรื่องที่เราต้องระมัดระวังในระดับหนึ่ง เพราะว่าความเผ็ดร้อนนั้น จะช่วยในเรื่องของการขับเหงื่อ ช่วยในการเร่งการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย  ดังนั้น คนที่รับประทานอาหารรสเผ็ดบ่อยๆ มากๆ ส่วนใหญ่ร่างกายจะเผาผลาญพลังงานได้ดี นอกจากนี้สารแคปไซซินที่อยู่ในพริกที่ให้รสเผ็ด ก็ยังมีรายงานว่า สามารถช่วยในเรื่องของการป้องกันโรคบางชนิด เช่น ลดการดูดซึมน้ำตาลได้ หรือช่วยในเรื่องของการป้องกันการอักเสบ เพราะฉะนั้น แกงป่าก็เป็นตัวแทนของอาหารที่มีพริกเป็นส่วนประกอบหลัก แต่ถ้าทานเผ็ดได้น้อยก็อย่าใส่พริกมากเกินไป ก็หวังว่าอาหารจานนี้ จะเป็นอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ถ้าหากเรารู้จักรับประทานในลักษณะที่เหมาะสมกับตัวเราและคนในครอบครัว
 
ส่วนผสม:เครื่องน้ำพริก
วิธีทำ
- พริกขี้หนูแห้ง
25
กรัม
- หัวหอม
25
กรัม
- กระเทียม
25
กรัม
- ข่า            
½
ช้อนชา
- ตะไคร้
15
กรัม
- ผิวมะกรูด
½
ช้อนชา
- รากผักชี
½
ช้อนโต๊ะ
- พริกไทย                 
1
ช้อนชา
- กะปิ
½
ช้อนโต๊ะ
- เกลือ
½
ช้อนชา
- ลูกผักชีคั่วป่น
1
ช้อนโต๊ะ
- ยี่หร่าคั่วป่น
1
ช้อนชา
- ข้าวสารแช่น้ำโขลก
2
ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม:เครื่องปรุง
- น้ำ
5         
ถ้วยตวง
- ปลาช่อนนา
½
กิโลกรัม
- มะเขือเปราะ(อ่อน)
150
กรัม
- หน่อไม้
200 
กรัม
- ถั่วฝักยาว
150
กรัม
- พริกชี้ฟ้าหั่นยาว
5
เม็ด
- กระชายซอย
½
ถ้วยตวง
- ใบกะเพราเด็ด
1
ถ้วยตวง
- น้ำปลา
¼
ถ้วยตวง
- น้ำมันถั่วเหลือง (ผัดน้ำพริกแกง)
¼
ถ้วยตวง
 
 
1.
โขลกพริกไทยให้ละเอียดใส่รากผักชี ข่า ผิวมะกรูด ตะไคร้ โขลกละเอียด ใส่พริกแห้ง เกลือป่น โขลกรวมกัน ใส่กระเทียม หัวหอมโขลก กะปิ ลูกผักชีคั่วป่น ยี่หร่าคั่วป่นโขลกจนละเอียด พักไว้
2.
หั่นเนื้อปลาเป็นชิ้นๆ
3.
ล้างผักให้สะอาด ผ่าเมะเขือเปราะเป็น 4 ชิ้น  แช่น้ำไว้ หั่นหน่อไม้ถั่วฝักยาวเป็นท่อนขนาด 1 นิ้ว พักไว้
4.
ผัดน้ำพริกในน้ำมันผัดให้หอม ใส่น้ำตั้งไฟให้เดือด ใส่หน่อไม้ มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว พอผักสุกใส่เนื้อปลาช่อน พริกชี้ฟ้า ปรุงรสด้วยน้ำปลาใส่ใบกะเพรา ยกลง
ข้อมูลคุณค่าโภชนาการโดย...ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมศรี เจริญเกียรติกุล
วิทยากรการปรุงอาหาร...อทิตดา บุญประเดิม
โครงการเผยแพร่และอนุรักษ์อาหารไทยผ่านเว็บไซต์สถาบันโภชนาการ
Go to Top