แกงขี้เหล็กหมูย่าง (ตำรับนี้รับประทานได้ประมาณ 8 คน)

 

Template 01
Template 01
Template 01
       “แกงขี้เหล็กหมูย่าง”  เป็นแกงกะทิยอดนิยมในครัวไทยสมัยก่อน ตามภูมิปัญญาไทยทราบว่า ขี้เหล็กมีสรรพคุณทางยามากมาย ทั้งเป็นยาระบายอ่อนๆ มีสารช่วยผ่อนคลายช่วยคลายความเครียด ทำให้หลับสบายส่วนของดอกขี้เหล็กแก้หืด รักษารังแค นอกจากนี้ขี้เหล็กยังมีสารเบต้าแคโรทีน และมีวิตามินซีสูงอีกด้วย ขี้เหล็กมีรสขม แต่รสขมของขี้เหล็กก็เป็นเสน่ห์หรือเอกลักลักษณ์ แล้วยังมีสรรรพคุณต่างๆ ต่อสุขภาพ
 
คุณค่าอาหารทางโภชนาการ

       แกงขี้เหล็กเป็นแกงที่มีลักษณะเฉพาะตัวก็คือ เราสามารถนำใบขี้เหล็ก  ยอด รวมถึงดอกมาทำอาหาร ขี้เหล็กจะมีรสขม เพราะฉะนั้นเวลาจะนำมาทำอาหารเราจึงต้องเอาไปต้มน้ำทิ้งหลายๆ รอบ อีกประการหนึ่งคือแกงนี้มีการใช้กะทิเพราะกะทิที่ใส่เข้าไปจะช่วยตัดรสขม
       ประโยชน์ของขี้เหล็ก ขี้เหล็กเป็นพืชพักสมุนไพรที่มีสารบางอย่างที่ช่วยในเรื่องช่วยทำให้เรานอนหลับสบาย เป็นยาระบายอ่อนๆ เพราะฉะนั้นนอกจากหลับสบาย แล้วก็ขับถ่ายปกติ ทำให้สุขภาพดี แกงขี้เหล็กหมูย่างจึงเป็นอาหารเมนูหนึ่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ค่อนข้างสมบูรณ์แล้วก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ที่ควรจะนำมาบริโภคให้สม่ำเสมอ เพราะนอกจากจะเป็นผลดีต่อสุขภาพแล้ว ยังเป็นการช่วยอนุรักษ์อาหารไทยโบราณของเราให้คงอยู่

 
ส่วนผสม:เครื่องน้ำพริก
วิธีทำ
- พริกแห้ง (แช่น้ำให้นิ่ม)
25   
กรัม
- หัวหอม
25
กรัม
- กระเทียม
25
กรัม
- ข่า                               
ช้อนชา
- ตะไคร้
15
กรัม
- กระชาย
125
กรัม
- พริกไทย
10
เม็ด
- รากผักชี
½
ช้อนโต๊ะ
- เกลือ                       
½
ช้อนโต๊ะ
- กะปิ                       
½
ช้อนโต๊ะ
     
เครื่องปรุง
- เนื้อหมูสะโพก
½
กิโลกรัม
- ใบและดอกขี้เหล็ก
3
ถ้วยตวง
- ปลาอินทรีย์เค็มย่าง
40
กรัม
- หัวกะทิ
1 ½
ถ้วยตวง
- หางกะทิ
ถ้วยตวง
- น้ำปลา
¼
ถ้วยตวง
- น้ำตาลปี๊บ
1         
ช้อนโต๊ะ
1.
โขลกพริกไทย รากผักชี ข่า ตะไคร้ ให้ละเอียด ใส่พริกแห้ง เกลือ กระเทียมหัวหอม กะปิโขลกจนละเอียดพักไว้
2.
ต้มปลาอินทรีย์เค็มที่ย่างแล้ว ใส่น้ำ 3/4 ถ้วย ตั้งไฟให้เดือด แล้วกรองเอาแต่น้ำ
3.
ต้มใบและดอกขี้เหล็กให้สุก เทน้ำทิ้งแล้วต้มใหม่อีกครั้ง ต้มให้นิ่ม บีบน้ำออกให้หมด หั่นพอ หยาบ ๆ พักไว้
4.
หั่นเนื้อหมู ชิ้นโตๆ 3 - 4 ชิ้น ย่างให้สุก นำมาหั่นชิ้นบางๆ ตามขวาง
5.
เคี่ยวหัวกะทิให้แตกมัน นำน้ำพริกลงผัดให้หอมและแตกมัน ใส่หมูย่างลงผัดให้เข้ากัน ตักใส่หม้อ
6.
เติมหางกะทิตั้งไฟให้เดือด ใส่ขี้เหล็ก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล พอเดือดชิมรส สุกยกลง
   
ข้อมูลคุณค่าโภชนาการโดย...ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมศรี เจริญเกียรติกุล
วิทยากรการปรุงอาหาร...อทิตดา บุญประเดิม
โครงการเผยแพร่และอนุรักษ์อาหารไทยผ่านเว็บไซต์สถาบันโภชนาการ
Go to Top